Google Translate this page from THAI to 44 languages.
English Arabic Belorussian Brunei Bulgarian Catalan Chinese Simplified Chinese Traditional Croatian Czech Danish Dutch Estonian Filipino Finnish French German Greek Hebrew Hungarian Icelandic Indian Indonesia Italian Japanese Korean Latvian Lithuanian Malaysian Maltese
Norwegian Polish Portuguese Romanian Russian Serbian Slovak Slovenian South African Spanish Swedish Turkish Ukrainian Vietnamese
 ตำนานวันตรุษจีน
ลงบทความวันที่ 24 ม.ค.52  เวลา 11:34    แสดงความเห็นคลิกที่นี่ Home

 

ตำนานวันตรุษจีน
ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า "กว้อชุนเจี๋ย” หรือ "กว้อเหนียน” เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่งมีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า "เหนียน” มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษ โดยอนุญาตให้ เหนียน ลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้นเมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียนจะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุกๆครัวเรือนจึงสะสมเสบียงอาหารและกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืนเพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุกครัวเรือนจะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูกเหนียนทำร้าย
ภายหลังพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้นทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมาผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้าย แต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก
เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุกครัวเรือนต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อพลบค่ำ เหนียน มาเห็นทุกครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุกคนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน ต่อมาวันดังกล่าวจึงกลายเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"

ตรุษจีนในประเทศไทย
ชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติอยู่ 3 วัน คือ 1.วันจ่าย 2.วันไหว้ และ 3.วันปีใหม่
1.วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก คือวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหารผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้ายหยุดพักผ่อนยาว ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ หรือ ตี่จู๋เอี๊ย ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้าน หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้ว
2.วันไหว้ คือ วันสิ้นปี จะมีการไหว้ 3 ครั้ง คือ
ตอนเช้ามืดจะ ไป๊เล่าเอี๊ย เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ ได้แก่ หมูสามชั้นต้ม ไก่ เป็ด ปรับเปลี่ยนเป็นชนิดอื่นได้ หรือมากกว่านั้นได้จนเป็นเนื้อสัตว์ห้าชนิด) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง
ตอนสายจะ ไป๊เป้บ๊อ คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว
ตอนบ่ายจะ ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทับเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเป็นสิริมงคล
3.วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งของปี (ชิวอิก) วันนี้ ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน คือ ไป๊เจีย คือ การไปไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะออกเสียงภาษาจีนแต้จิ๋วว่า "กา" ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำโชคดีไปให้ จะมอบส้มจำนวน 4 ผล ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าของผู้ชาย เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือคือ เป็นวันที่ชาวจีนถือว่าเป็นสิริมงคล งดการทำบาป จะมีคติถือบางอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่ทวงหนี้กัน ไม่จับไม้กวาด และจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วออกเยี่ยมอวยพรและพักผ่อนนอกบ้าน เป็นต้น

ความเชื่อเรื่องโชคลางในวันตรุษจีน
1. หลีกเลี่ยงการทำงานบ้านในวันขึ้นปีใหม่(วันตรุษจีน) เนื่องจากการทำงานบ้าน เช่น การซักล้าง หรือ การกวาดบ้านปัดฝุ่น จะเป็นการขับไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านจึงควรเริ่มทำตั้งแต่ก่อนที่วันขึ้นปีใหม่จะมาถึง
2. ไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม
3. ไม่ควรสระผมในวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากการสระผมถือเป็นการชะล้างความโชคดีที่มาถึงในวันขึ้นปีใหม่
4. หากร้องไห้ในวันปีใหม่ จะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน
5. หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานศพ และการฆ่าสัตว์ปีก
6.ไม่ควรใช้ของมีคมในวันขึ้นปีใหม่ ของมีคมต่างๆ เช่น มีด , กรรไกร , ที่ตัดเล็บ เนื่องจากถือว่าการกระทำของของมีคมนี้จะเป็นการตัดสิ่งหรืออนาคตที่ดี ที่จะนำมาในวันขึ้นปีใหม่
7. ควรระมัดระวังในการทำสิ่งใดๆ ไม่ควรที่จะให้เกิดการสะดุด หรือ ทำสิ่งของตกแตก ซึ่งนั่นจะหมายถึงการนำความโชคไม่ดีเข้ามาในอนาคต
8. การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็นโชคร้าย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก
9.ควรใส่เสื้อผ้าสีแดง ซึ่งถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข จะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่
10. เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี
11. บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี จึงมักพูดแต่คำที่มีความหมายดีแก่กัน การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

วันตรุษจีนในปฏิทินสุริยคติ (ระหว่างปี พ.ศ.2551-2562)
ปีนักษัตร วันที่
ชวด 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
ฉลู 26 มกราคม พ.ศ. 2552
ขาล 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
เถาะ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
มะโรง 23 มกราคม พ.ศ. 2555
มะเส็ง 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
มะเมีย 31 มกราคม พ.ศ. 2557
มะแม 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วอก 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ระกา 28 มกราคม พ.ศ. 2560
จอ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
กุน 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

 

บทความล่าสุด ในหมวดนี้
  1 เรื่องเล่าของเฮียตือ (21 พ.ย.58)  อ่าน:1670/ตอบ:0
  2 ซินแสเหวิน (14 พ.ย.58)  อ่าน:1642/ตอบ:0
 อ่านบทความทั้งหมด ในหมวดนี้
อ่านแล้ว 1509 ครั้ง     แสดงความคิดเห็น 1 ครั้ง          แสดงความเห็นคลิกที่นี่ 
 
 ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นบทความ
: โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น :
กฎ กติกา มารยาทในการแสดงความคิดเห็น
  • 1. กรุณานำเสนอข้อความที่สุภาพ ละเว้นการให้ร้ายผู้อื่น หยาบคาย ก้าวร้าว ลามกอนาจาร หรือใช้นามแฝงอันเป็นชื่อจริงของผู้อื่น หรือข้อมูลส่วนตัวโดยเจตนาทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน
  • 2. ห้ามเสนอข้อความวิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันมหากษัตริย์ และราชวงศ์ เป็นอันขาด
  • 3. ทีมงานไม่ขอรับผิดชอบความคิดเห็นต่างๆในเว็บไซด์และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้
  • 4. ทางทีมงานขอสงวนสิทธ์ในการถอดข้อความคิดเห็นโดยไม่ต้องชี้แจงหรือแจ้งล่วงหน้า
  • จากคุณ* :    
    E-mail :    
    Security Code :     กรุณาพิมพ์ตัวเลขตามรูปภาพ     
    ข้อความ* :     
    เลือกรูปไอคอนแทนตัวคุณ* :
             
             
             
             
       

    copyright@2009 by Master SinsaeWoen
    All contents in this website are exclusively owned by Master SinsaeWoen.

    E-mail : sinsaewoen@hotmail.com
    141/365 หมู่ 2 ตำบลต้นเปา
    อ.สันกำแพง เชียงใหม่ 50130
    เวลาทำงาน 10.00-19.00 น.
    หยุดทุกวันอาทิตย์
    Tel. mobile. 061 961 8866