
ถนนสาย ซินแสเหวิน
เมื่อซินแสตัดสินใจผันตัวเองมาเป็นซินแสอย่างเต็มตัว อาเหวินย้ายมาอยู่ตึกแถวบริเวณหลังห้างตันตราภัณฑ์ ถนนท่าแพ โยเช่าเพียงชั้นสองของตึกและกั้นห้องสำหรับพักอาศัยกับดูดวงชะตา โดยช่วงแรกของการเริ่มอาชีพซินแส ลูกค้าส่วนใหญ่คือ ลูกค้าที่ติดตามมาจากร้ารลูกชิ้นทอดซึ่งเป็นอาชีพเดิมก่อนมาเป็นซินแส แต่เมื่อข่าวเซียนพยากรณ์ซินแสเหวินเริ่มแพร่สะพัดดุจระรอกเคลื่อนของทิวไผ่ที่ต้องลม ผู้คนก็เริ่มรู้จักซินแสเหวินมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้คนที่มาตรวจดวงชะตากับซินแสเหวินมากมายจนล้นลงไปชั้นล่าง ซึ่งเป็นร้านอาหารของเถ้าแก่เจ้าของตึกแถว เป็นผลให้กับข้าวก็ขายได้ ขายดีไปด้วย แค่เพียงเดือนแรกความนิยมของซินแสเหวินก็สร้างรายได้ให้เถ้าแก่ไม่น้อย แต่ตัวเถ้าแก่กลับมักมาก เมื่อเห็นว่าซินแสน่าจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจึงขอขึ้นค่าเช่าจากเดิมสองพันบาท เป็นสองพันห้าร้อยบาท
ซินแสเหวินก็ยินยอม ทั้งๆ ที่ค่าครูในการดูดวงชะตา ไม่ได้มากขึ้นตามจำนวนลูกค้า เพราะซินแสไม่เคยกำหนดค่าครูด้วยตนเอง ค่าครูที่รับแล้วแต่ลูกค้าจะมีจิตศรัทธาเท่าไร บ้างก็ให้ยี่สิบบาท ห้าสิบบาท หรือหนึ่งร้อยบาท ระคนกันไป บางครั้งพบว่าลูกค้าที่มาดูซึ่งเป็นคนหาเช้ากินค่ำกลับให้ค่าครูมากกว่าเศรษฐีบางคนเสียอีก
มิหน่ำซ้ำ ไม่หนำใจเถ้าแก่จอมตระหนี่ เมื่อเห็นว่านับวันลูกค้าซินแสเหวินมากขึ้น มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ก็หน้าเลือดขอขึ้นค่าเช่าในเดือนต่อๆมา จากสองพันห้าร้อย ขึ้นเป็นสามพันห้าร้อย และยังขยับขึ้นแตะสี่พันห้าร้อยบาทในเดือนที่หก
แม้ซินแสเหวินจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อาจตามทันความละโมบโลภมากของเถ้าแก่คนนี้ได้และที่สำคัญซินแสรู้สึกว่า ทั้งๆที่การมาเช่าห้องของตนก็เอื้อประโยชน์ให้ร้านอาหารของเถ้าแก่ขายดิบขายดีไม่น้อย
มันเป็นความอยุติธรรมอันเกินขอบเขตที่ทนรับได้
ซินแสเหวินจึงตัดสินใจจ่ายค่าเช่าสำหรับเดือนที่เจ็ดเป็นจำนวน ห้าพันบาท แล้วเอ่ยคำกับเถ้าแก้หน้าเลือดอย่างสุภาพว่า
เถ้าแก่ครับ ค่าเช่าครั้งนี้ผมให้ห้าพันบาท สี่พันห้า สำหรับจ่ายค่าเช่า ส่วนอีกห้าร้อยผมขอรบกวนช่วยฝากบอกลูกค้าว่า ผมย้ายที่ไปอยู่แถวๆสันกลางแล้วนะครับ
นี่คืออีกหนึงนิสัยของอาเหวิน ที่เมื่อใครปฎิบัติต่อตนอย่างไม่เป็นธรรมจนเกินจะทานทน อาเหวินจะจากจรไปด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวที่สุดสุภาพอ่อนโยนที่สุด คล้ายจะบอกว่า
วาสนาระหว่างเรามีเพียงเท่านี้
แม้จะย้ายที่อยู่ใหม่ บริเวณตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง เชียงใหม่ แต่ลูกค้าก็ยังตามมาในไม่ช้า แถมยังพ่วงญาติพี่น้องมาด้วย ทำให้กิตติศัพท์ของซินแสเหวินไม่จำกัดอยู่เพียงในเชียงใหม่เท่านั้น นักธุรกิจต่างจังหวัด โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ก็ทยอยมาดูดวงชะตาตนเอง เพื่ออนาคตทางธุรกิจ
ซินแสเหวินต้องรับลูกค้ามากหน้าหลายตา ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะมาจากญาติพี่น้องของลูกค้าที่เคยมาใช้บริการแล้วรู้สึกว่าทำนายแม่น จึงบอกต่อปากต่อปากและบางคนก็ย้อนกลับมาดูอีกเป็นประจำ ลูกค้าของซินแสส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักธุรกิจที่เข้ามาขอคำปรึกษาทั้งเรื่องดวงชะตาของตัวเองและดูฮวงจุ้ยเพื่อความรุ่งเรืองหรือแก้ไขความรุ่งริ่งของกิจการ
ในช่วงนี้มีลูกค้าจากกรุงเทพฯ รายหนึ่งที่ซินแสเหวินได้พลิกชีวิตของเขาและครอบครัว ลูกค้ารายนี้ต้องการขายที่บริเวณชานเมืองกรุงเทพฯ แต่ขึ้นประกาศมานานแล้วก็ยังชายไม่ออกเสียที เจเหนี้ต่างก็รุมติดตามถามทวง มูลค่าหนี้รวมแล้วราวห้าสิบล้านบาท เนื่องจากลูกค้ารายนี้ลงทุนกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปมหาศาล แต่กลับได้รับผลตอบแทนเป็นหนี้มหาโหด พอมีคนแนะนำให้ใช้บริการซินแสเหวิน ก็ไม่รีรอทำตาม แม้เงินที่จะต้องจ่ายเป็นค่าครูให้ซินแสยังต้องยืมญาติพี่น้อง แต่ก็ต้องจำยอมเพราะเป็นโอกาสสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
เมื่อซินแสลงไปดูที่ ก็เพียงคำนวณ วัน เดือน ปีเกิด แล้วดูฮวงจุ้ย ไม่นานก็สรุปใจความสำคัญ
เส้นผมบังภูเขา
ซินแสแนะนำให้ปรับปรุงพื้นที่อันรกชัฎ ให้ดูโปร่งโล่งสะอาดตา พร้อมย้ายประตูทางเข้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับลูกค้าว่า
ไม่เกินสามเดือนหกเดือน ลื้อจะได้ขายแน่นอน และราคาก็ไม่เกิน แปดสิบ เก้าสิบล้าน
ผ่านเพียงสองเดือนเศษ ลูกค้ารายนี้ก็โทรมาบอกซินแสว่า ขายที่ได้แล้ว ได้ราคาแปดสิบล้านบาท
การดูฮวงจุ้ยครั้งนี้ทำให้ซินแสได้ค่าครูมหาศาล มากที่สุดตั้งแต่ที่เคยดูมา
นับวันชื่อเสียงของซินแสเหวินก็โด่งดัง ในเรื่องการวางฮวงจุ้ยเพื่อเสริมดวงให้เจริญรุ่งเรืองแล้วร่ำรวยมั่งคั่งซึ่งทำให้ค่าครูในการดูฮวงจุ้ยสูงขึ้นตามบรรทัดฐานที่ลูกค้าต่างคนก็ต่างวางให้ โดยซินแสเองไม่ได้ใช่ผู้กำหนดเอง นอกจากจะได้ชื่อเสียงแล้ว เงินตราก็ยังไหลเทเข้ามาหาคลังกระเป๋าไม่ขาดสาย แต่ซินแสก็ทราบว่าดวงชะตาคนเรา ไม่อาจโชคดีชั่วนิรันดร์เมื่อยามใดที่คนเราดวงชะตาพุ่งถึงจุดสูงสุด มันก็จะดิ่งลงเพื่อปรับสมดุลตามหลักของ หยิน-หยาง ซึ่งหากเราตั้งตนในความประมาทเรื่องเลวร้ายก็อาจถาโถมใส่เรา
ขณะเดียวกันชื่อเสียงและความสามารถของซินแสเหวินก็ยิ่งโด่งดัง จนถูกทาบทามให้ลงไปดูดวงชะตาและฮวงจุ้ยที่กรุงเทพฯ โดยเสนอบ้านเลขที่ 88 ให้เป็นที่ทำงาน ซินแสรับฟังข้อเสนอด้วยสองจิตสองใจ ใจหนึ่งไม่อยากทิ้งลูกค้าที่เชียงใหม่ แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า ตัวเลข 88 คล้ายจะบอกความหมายอะไรบางอย่าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ฝันว่ายืนอยู่บนหลังเต่า ซึ่งตามตำราจีนเลข 8 ก็คือเต่านั้นเอง
ซินแสจึงเลือกหนทางที่ดีที่สุดคือแบ่งเวลาในหนึ่งเดือนให้กับเชียงใหม่สองอาทิตย์และสองอาทิตย์ที่เหลือทำงานที่กรุงเทพฯ ห้วงเวลาทีทำงานไปกลับกรุงเทพ-เชียงใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ซินแสเหวินรุ่งเรืองสุดขีดลูกค้าที่ใช้บริการซินแสมากมายเหลือเกิน และก็มีอีกมากมายที่ซินแสต้องยกเลิกนัดเพราะไม่มีเวลาให้แม้แต่นาทีเดียว ลูกค้าที่มาดูแพร่ขยายจากนักธุรกิจ สู่นักการเมือง รวมไปถึงหมู่ดารานักแสดง ซึ่งเมื่อเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง ซินแสก็ถูกรับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์และสัมภาษณ์ลงนิตยสาร บอกเล่าเรื่องราวสงครามแห่งชีวิตที่เผชิญ ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นซินแส เซียนพยากรณ์ที่ใครๆต่างร่ำลือเล่าขาน
อย่างไรก็ตามกว่าสามปีที่รุ่งเรือง ซินแสเหวินทราบดีว่าตนเองต้องน้อมรับเรื่องราวที่หนักหน่วงเช่นกัน ชีวิตในกรุงเทพฯ ทำให้ซินแสรู้สึกไม่สบายตัว ความรีบเร่ง และอากาศของกรุงเทพฯ ส่งผลให้การทำงานเป็นไปอย่างไม่เต็มที่ บางคราวการดูดวงชะตาด้วยไข่ไก่ต้องดูอย่างเร่งรีบ รายละครึ่งชั่วโมง ขณะที่โดยปรกติต้องดูราวหนึ่งชั่วโมง เพื่อสามารถรองรับลูกค้าที่รออยู่เป็นจำนวนมาก
ในที่สุดดวงชะตาของซินแสเองก็ลากเส้นให้หวนกลับดินแดนล้านนาปิดฉากการทำงานในเมืองหลวงในปีที่สามก่อนที่จะยุติการทำงานที่กรุงเทพฯ ขณะอยู่เชียงใหม่ซินแสเหวินจับจองเช่าห้องแถวที่กำลังสร้างไว้ห้องหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ห่างไกลจากบ้านเช่ามากนัก เหตุผลที่ตัดสินใจเช่า ก็เพราะซินแสเห็นว่า ทำเล ฮวงจุ้ย ดีเยี่ยม และก่อนจะสร้างเสร็จ ซินแสยังมีโอกาสวางฮวงจุ้ยห้องของตนเองด้วย
เมื่อเข้ามาอยู่อย่างถาวร ห้องแถวเล็กๆก็ยังดึงดูดลูกค้าเช่นเดิมมิหนำซ้ำเจ้าของตึกซึ่งเปิดอู่ซ่อมรถอยู่ห้องถัดๆไป ก็รับอานิสงส์ความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย
กว่าสามปีที่ซินแสอยู่ห้องเช่าทำเลทอง รวมกับอีกเกือบสามปีที่บ้านเช่าอาเฮีย นั้นคือหกปีที่ซินแสเฝ้ารอสัญชาติไทยอย่างอดทน เพื่อที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินต่างๆในชื่อของตัวเอง ในที่สุดความอดทนก็เป็นผล ซินแสซื้อบ้านหลังเล็กๆ แต่สมบูรณ์พร้อมด้วยฮวงจุ้ยที่ดีและบรรยากาศแวดล้อมสุขสงบ อยู่กับครอบครัวภรรยากับสองลูกสาว อย่างอบอุ่น
บางคราวก็ไปมาหาสู่มิตรสหาย ที่โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำของซินแส ซึ่งแต่ละท่านก็มีเส้นทางธุรกิจที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว และเมื่อยิ่งมีเรื่องราวของการทำนายดวง ดูดวงฮวยจุ้ยประกอบเข้าไปด้วย เรื่องราวเหล่าสหายของซินแสก็ยิ่งน่าสนใจ ชวนเล่าขานเช่นกัน
|